Bleeding Steel โคตรใหญ่ฟัดเหล็ก
ชื่อหนัง : Bleeding Steel โคตรใหญ่ฟัดเหล็ก
Bleeding Steel โคตรใหญ่ฟัดเหล็ก
ประเภทหนัง: แอคชั่น อาชญากรรม
ผู้กำกับ: Leo Zhang
นำแสดงโดย เฉินหลง
โชว์ หลัว
โอวหยาง นานา
คอลแลน มัลเวย์
ดูเลยที่: Doofree4K
เรื่องย่อ Bleeding Steel โคตรใหญ่ฟัดเหล็ก
เราอาจจะต้องยอมรับความจริงที่ว่านักแสดงหนังแอ็คชั่นอย่างเฉิน หลงในวัย 63 ปี จะให้ลุกขึ้นมาเตะต่อยแบบสมัยเขายังอายุ 20 นั้นคงจะเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติเป็นอย่างมาก สิ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังอย่าง Bleeding Steel ผลงานเรื่องล่าสุดของเขานั้นจึงทำให้เราเห็นว่า อายุที่มากขึ้นทำให้เขาต้องเล่นฉากต่อสู้น้อยลง และหลายครั้งคิวบู๊ก็ต้องอาศัยการตัดต่อเป็นตัวช่วยอย่างมาก แต่ปัญหาของ Bleeding Steel ไม่ได้อยู่ที่ฉากแอ็คชั่น (จำนวนน้อยของเฉิน หลง) หากแต่เป็นบทภาพยนตร์ที่ “เชย” ราวกับหนังเมื่อ 20 ปีก่อน
หนังว่าด้วยเรื่องราวของ ลินดง (เฉิน หลง) เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษของ UNSS มีภารกิจสำคัญในการปกป้องพยานคนสำคัญจนทำให้เขาต้องเลือกหน้าที่การงาน ก่อนลูกสาวที่นอนป่วยอาการสาหัสไว้ในโรงพยาบาล ภารกิจนครั้งน้นของลินดง เขาเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเนื่องจาก วายร้ายอย่างไซบอร์ก อังเดร ต้องการของบางอย่างจากตัวพยาน หลายปีต่อมา ลินดงย้ายไปอยู่ที่ออสเตรเลียเพื่อทำการดูแลอารักกขาเด็กสาวที่ชื่อว่า แนนซี่ (นาน่า อู๋หยาง) ซึ่งลินดง ไม่เคยเปิดเผยความจริงว่าเขาเป็นพ่อแท้ๆของเธอ เพราะกลัวว่าแนนซี่จะได้รับอันตราย
เมื่อนวนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อ Bleeding Steel ได้รับตีพิมพ์สู่ท้องตลาด แถมได้รับความนิยมไปทั่วโลก ไซบอร์ก อังเดร ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ส่งผลให้แนนซี่ไม่ปลอดภัย เพราะเธอมี “ของบางอย่าง” ที่เขาต้องการ ส่งผลให้ลินดงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกสาวของเขาเองให้พ้นจากอันตรายในครั้งนี้
วิธีการเล่าเรื่องของ Bleeding Steel จัดได้ว่าเล่าเรื่องตามหนังในสมัยยุค 90 ที่แบนราบไร้มิติ ในทุกตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นตัวร้ายที่เหมือนหลุดมาจากหนังสือการ์ตูน บทพระเอกคุณพ่อผู้ผดุงคุณงามความดีและต้องการจะปกป้องลูกสาว แฟนหนุ่มของลูกสาวที่มากมุกตลกและอารมณ์ขัน เหมือนตัวโจ๊กประจำเรื่อง ปัญหาก็คือผู้กำกับอย่างลีโอ จาง กลับเล่าสูตรสำเร็จทั้งหมดนี้ออกมาได้ “ไม่สนุก” และ “จืดชืด” กว่าที่หนังควรจะเป็น
ทั้งที่ความพยายามของ Bleeding Steel นั้นเหมือนจะเล่าเรื่องแบบหนังซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีตัวเอกเป็นคนธรรมดา แต่ทุกอย่างในหนังก็ดูถูกใส่เข้ามาอย่างผิดที่ผิดทางไปหมด (หลายครั้งมันผิดจนกลายเป็นความตลกแบบไม่ได้ตั้งใจ) แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ หนังค่อนข้างแห้งแล้งฉากแอ็คชั่น แถมฉากต่อสู้ที่มี การตัดต่อรวดเร็วฉับไว จนหลายครั้งเราก็ดูไม่ทันเหมือนกันว่าสรุปแล้วใครกำลังต่อสู้กับใคร โดนฮุคหมัดเข้าที่ตรงไหน
เมื่อระหว่างทางของหนังไม่ค่อยสนุก มิหนำซ้ำการคาดเดา “ตอนจบ” ของหนังเรื่องนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรยากเย็นเหนือการคาดเดา เพราะทุกอย่างไม่มีอะไรเดินออกจาก “สูตร” เลยสักนิดเดียว ทำให้ความยาว 2 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้ดู “ยาวนาน” กว่าที่คิด
ดูรีวิวจากIMDB
หรือดูได้ที่ Bleeding Steel โคตรใหญ่ฟัดเหล็ก